ทองคำแท่งและเหรียญทอง
ทองคำแท่งและเหรียญทอง | ถ่ายโดย: Unsplash / Jingming Pan (Unsplash License)
ราคาทองคำทะลุ 4,000 เหรียญต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พุ่งขึ้น 50% ในปีนี้
เนื้อหาข่าว
ราคาทองคำสร้างประวัติศาสตร์ใหม่โดยทะลุระดับ 4,000 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ เป็นครั้งแรก หลังจากพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2025
ราคาทองคำฟิวเจอร์สปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,004.40 เหรียญต่อทรอยออนซ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2025 หลังจากแตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 4,014.60 เหรียญ
ในวันอังคารที่ 8 ตุลาคม ราคาทองคำยังคงซื้อขายเหนือระดับ 4,000 เหรียญ และล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ราคาอยู่ที่ 4,121.48 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ลดลงเพียง 0.15% จากวันก่อนหน้า
การพุ่งขึ้นอย่างมหาศาล
ราคาทองคำได้พุ่งขึ้น ประมาณ 50% ในปี 2025 ถือเป็นหนึ่งในปีที่ทองคำมีผลตอบแทนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่
นักลงทุนทั่วโลกหันมาลงทุนในทองคำเพื่อใช้เป็น สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น
ปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำ
1. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (U.S. Dollar Index) ลดลง 10% ในปีนี้ เนื่องจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบการค้าโลกและท้าทายความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve)
เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ทองคำซึ่งมีราคาเป็นดอลลาร์จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น แต่กลับน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการหลบหนีความเสี่ยงจากการเสื่อมค่าของสกุลเงิน
2. ธนาคารกลางสะสมทองคำ
ธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเอเชีย ได้ เพิ่มการซื้อทองคำอย่างมหาศาล เพื่อลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐและกระจายความเสี่ยงของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
ธนาคารกลางจีน อินเดีย และรัสเซีย เป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ในปีนี้
3. ความต้องการจากกองทุน ETF
กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่สนับสนุนด้วยทองคำ (Gold-backed Exchange-Traded Funds) มี กระแสเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้
4. ความตึงเครียดทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์
- สงครามการค้าสหรัฐ-จีน: การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 100% สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลก
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์: สงครามในยูเครนและตะวันออกกลางยังคงดำเนินต่อไป
- ความไม่มั่นคงทางการเมืองในสหรัฐ: การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ (Government Shutdown) เพิ่มความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเงิน
5. นักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้น
นักลงทุนรายย่อยทั่วโลกหันมาซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedge) ท่ามกลาง:
- ความตึงเครียดทางการค้า
- เงินเฟ้อที่ยังคงสูง
- ความไม่แน่นอนของตลาดการเงิน
คาดการณ์ของนักวิเคราะห์
Goldman Sachs ปรับคาดการณ์ขึ้น
ธนาคาร Goldman Sachs เพิ่งปรับคาดการณ์ราคาทองคำสำหรับเดือนธันวาคม 2026 เป็น 4,900 เหรียญต่อทรอยออนซ์ จาก 4,300 เหรียญ ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสที่ทองคำจะพุ่งขึ้นไปอีกประมาณ 20% ในอีก 14 เดือนข้างหน้า
แนวโน้มในระยะยาว
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า:
- ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในระยะยาว
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองจะยังคงหนุนราคา
- การพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐของระบบการเงินโลกกำลังลดลง
ผลกระทบต่อตลาดและผู้บริโภค
ตลาดเครื่องประดับ
ราคาทองคำที่สูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดเครื่องประดับทองคำ โดยเฉพาะในประเทศที่มีวัฒนธรรมการใช้ทองคำสูง เช่น อินเดีย จีน และประเทศไทย ผู้บริโภคอาจชะลอการซื้อหรือเลือกซื้อเครื่องประดับน้ำหนักเบาลง
นักลงทุนรายย่อย
นักลงทุนที่ถือทองคำไว้ตั้งแต่ต้นปีได้รับผลตอบแทนที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อใหม่ต้องพิจารณาความเสี่ยงจากราคาที่สูงและโอกาสที่ราคาอาจปรับตัวลงในระยะสั้น
ธนาคารกลาง
ธนาคารกลางที่ถือทองคำเป็นเงินสำรองได้รับประโยชน์จากมูลค่าเงินสำรองที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการซื้อเพิ่มในราคาสูงกับการรอให้ราคาปรับตัวลง
บทวิเคราะห์เพิ่มเติม
การทะลุระดับ 4,000 เหรียญของทองคำเป็นสัญญาณสำคัญของความเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินโลก นักเศรษฐศาสตร์มองว่า:
-
การเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินโลก: ประเทศต่างๆ กำลังพยายามลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ โดยเพิ่มสัดส่วนทองคำในเงินสำรอง
-
ความไม่แน่นอนทางการเมือง: นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ท้าทายระเบียบการค้าโลกและความเป็นอิสระของธนาคารกลางสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเงิน
-
เงินเฟ้อและการซื้อ: แม้ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในหลายประเทศ แต่ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเรื่องการซื้อและต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ราคาทองคำที่สูงในปัจจุบันอาจมีความเสี่ยงจากการปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว หากมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในนโยบายการเงินหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลาย
สำหรับนักลงทุนรายย่อย การลงทุนในทองคำควรเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ใช่การลงทุนทั้งหมด และควรพิจารณาวัตถุประสงค์ระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง